วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

OS เรื่องเล่าของต้วนอี๋เอิน (1)

อย่าเรียกว่าเป็นแฟนฟิคดีกว่าเนอะ
เหมือนอี๋เอินมาบ่นๆอะไรให้พวกเราฟังมากกว่า
ย้ำ  ว่านี่เป็นเรื่องในจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้นนะคะ
----------------------------------------------------------------------------
แจ็คสันเป็นแฟนคนแรกของผมครับ
ช่วงที่จิตใจของผมกำลังอ่อนแอเพราะต้องห่างจากบ้านเกิด ก็ได้เขานี่แหละเป็นช่วยฉุดผมขึ้นมา
ตลอดเวลาที่คบกัน ผมมีความสุขมาก เขามักจะสร้างรอยยิ้มให้ผมเสมอ
เป็นคนที่ภายนอกดูขี้เล่นในขณะเดียวกันก็จริงจัง
รู้ไหม ผมชอบเขาตรงนี้แหละ
ความสัมพันธ์ของเราดูจะไปได้ดี
ถ้าไม่ติดว่าเขายังไม่เลิกนิสัยหนึ่งซึ่งผมไม่ชอบเอาเสียเลย

แจ็คสันเป็นคนขี้หึงขั้นรุนแรง แถมขี้น้อยใจเอามากๆ

เขามักจะมีเรื่องกับเพื่อนผมด้วยความหึงหวงที่มากเกินเหตุเสมอ
เขาชอบเรียกร้องอะไรที่มันมากเกินไป อย่างเช่น sex หลังจบคอน..ทำนองนั้น
ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีกับ sex ของเขานะ แต่ในหลายๆครั้งมันไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของผมเลย
ผมโดนเขาเกลี้ยกล่อมจนปฏิเสธไม่ได้
ซึ่งบางครั้งมันก็รุนแรงจนทำให้ผมไม่สบายในวันรุ่งขึ้น

ถ้าคิดเรื่องนั้นเป็นสาเหตุทำให้ผมเลิกกับเขา ...คุณคิดผิด

เหตุผลจริงๆคือ ผมไม่ได้รักเขา เขาไม่ได้รักผม "เราไม่ได้รักกัน"

ปฎิเสธไม่ได้ว่าแม้ใจจะมีความสุข แต่ภายในกลับเหมือนมีตะกอนตกค้างในใจอยู่ตลอดเวลา

จนถึงจุดหนึ่งที่ผมและแจ็คสันเริ่มทนกับความอึดอัดแสนทรมานนี้ไม่ไหว
เราสองคนตกลงนั่งคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง บรรยากาศที่ควรจะอึดอัดกลับผ่อนคลายด้วยฝีมือของแจ็คสัน คงต้องยกให้เป็นความสามารถเฉพาะตัวจริงๆ
ตลอดเวลาที่คุยกัน เขาพร่ำเอ่ยคำขอโทษกับผม ไม่ว่าจะเป็นนิสัยเสียๆที่แก้ยังไงก็ไม่หาย เขาบอกผมว่าเขาพยายามแล้วที่จะปรับปรุงตัว แต่ช่วงเวลาที่อยู่กับผมเขามักจะปล่อยให้ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผลเสมอ

เหมือนเด็กหวงของเล่น เขาให้คำนิยามตัวเองไว้แบบนี้

คงต้องโทษความเด็กของพวกเราด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งผมเองก็ไม่ติดใจอะไร แน่ล่ะ มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาถือโทษโกรธกันแล้ว
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก แจ็คสันสารภาพว่าช่วงเวลาที่เขาคบกับผม ในขณะเดียวกันเขาก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคนๆหนึ่ง
ซึ่งคนๆนั้นก็คือแบมแบม น้องชายคนสนิทของผม

อ่า...นี่เท่ากับว่าแจ็คสันนอกใจผมมาตลอดเลยสิ...

ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นตัวเองแสดงท่าทีอะไรออกไป
แต่ผมก็นั่งฟังทุกคำบอกเล่าของแจ็คสันอย่างตั้งใจ

แจ็คสันบอกว่าทีแรกความรู้สึกของเขาที่มีต่อแบมแบมไม่ใช่ความรักแบบเสน่ห์หา
เป็นเพราะทั้งสองคนมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนกันจึงเข้ากันได้ดีเป็นพิเศษ แค่นั้น
แต่พอมีเหตุการณ์ที่แบมแบมเกิดอุบัติเหตุระหว่างฝึกซ้อมจนต้องเข้าโรงพยาบาล

วินาทีนั้นถึงเข้าใจได้ทันที ว่าห่วงจนแทบบ้า มันเป็นยังไง

อันที่จริงผมก็เคยเข้าโรงพยาบาลด้วยเหตุนี้เหมือนกัน แต่แจ็คสันเพียงแค่พาผมไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วกลับไปซ้อมต่อ(เนื่องจากเลยเวลาซ้อมมามาก) พอถึงกำหนดออกก็มารับ

แต่กับแบมแบม เจ้าตัวยอมละทิ้งตารางการเต้นของตัวเองทั้งหมด และไปเฝ้าน้องที่โรงพยาบาล
แม้จะโดนเมเนเจอร์ฮยองโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแต่แจ็คสันก็ยังยืนกรานจะไปให้ได้

แค่นี้ก็รู้แล้วว่าใครคือคนสำคัญของแจ็คสัน

เราสองคนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลงในวันนั้น คงเหลือเพียงสถานะ "เพื่อนที่ดี" เอาไว้
"หวังว่าเราจะยังร่วมงานกันได้นะอี๋เอิน"
ผมพยักหน้า ชื่อจริงของผมซึ่งเคยมีแค่เขาที่เรียกมัน ต่อจากนี้คงไม่ได้ยินมันอีกแล้ว

ผมเดินแยกออกมาด้วยหัวใจที่วูบโหวง
จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็ดูจะโกหกเกินไป
โอเค ยอมรับก็ได้ว่าที่เคยบอกว่าผมไม่ได้รักเขาน่ะ ผมโกหก
ความรู้สึกของผมเป็นเรื่องจริงเสมอ แต่เป็นฝ่ายแจ็คสันเองที่เลือกจะมองข้ามมันไป
ผมเป็นคนแสดงความรู้สึกไม่เก่ง แจ็คสันเองก็เคยตัดพ้อผมเรื่องนี้บ่อยๆ
ถึงขั้นที่เจ้าตัวคิดว่ากำลังคุยกับกำแพงอยู่ด้วยซ้ำไป
แต่จะให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขาตอนนี้มันก็คงสายเกินไปแล้ว

"มาร์คฮยอง"

เสียงเรียกชื่อดึงสติของผมกลับคืนหา หันกลับไปมองก็พบกับร่างสูงโปร่งอันคุ้นเคยของเด็กคนหนึ่งซึ่งมีสถานะเป็นมักเน่ของวง

เราสองคนสบตากัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
แปลกที่ตอนนี้เพียงแค่เห็นหน้าเขา ความเข้มแข็งที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้กลับพังทลายลง
น้ำตาจากไหนไม่รู้มากมายคลอหน่วยไหลอาบแก้มไม่หยุด
ผมสะอื้นตัวโยน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้ให้ใครเห็น
"คิมยูคยอม" เป็นคนแรกที่ได้เห็นมัน...ด้านที่อ่อนแอของผม
วงแขนแกร่งดึงตัวผมเข้าไปโอบกอดไว้อย่างแผ่วเบา ด้วยความที่เจ้าเด็กนี่สูงมาก ใบหน้าของผมจึงแทบจะจมลงไปในอกของเขา

"ผมจะอยู่เป็นเพื่อนฮยองเอง"

นาทีนั้นผมคงอ่อนแอมากจริงๆ
จึงได้เผลอเปิดรับความอ่อนโยนของเด็กตัวสูงหมดไปทั้งใจ



OS เรื่องเล่าของต้วนอี๋เอิน (2)

ยูคยอมเป็นแฟนคนที่สองของผมครับ
เขาเข้ามาในวันที่หัวใจผมอ่อนแอ อีกแล้ว...ดูเหมือนผมเป็นคนใจง่ายที่จะรับใครก็ได้ใช่ไหม
แต่เปล่าเลย
อันที่จริง ...เขาอยู่ในใจผมมาตลอด แต่ผมไม่รู้ตัวต่างหาก

หลังจากที่ผมเลิกรากับแจ็คสัน ผมกลายเป็นคนที่เงียบขรึมกว่าเดิม จนคนรอบข้างเป็นห่วง
ไม่เว้นแม้กระทั่งยูคยอม

อันที่จริงอาการผมไม่ได้น่าเป็นห่วงขนาดนั้น ไม่ได้ถึงกับปิดหัวใจจนไม่เปิดรับใคร
ผมแค่กำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซมใจพังๆของตัวเองอยู่

หลายคนพยายามเข้าหาผมหลังจากที่รู้ว่าผมโสด พวกเขาขนานนามว่าผมคือเจ้าชายน้ำแข็ง เงียบขรึม เย็นชา ในขณะเดียวกันก็น่าค้นหา ผมก็ไม่ยักรู้ว่าคนสมัยนี้มีรสนิยมกันแบบนี้

ผมเป็นคนพูดน้อยถึงน้อยมาก บางครั้งแทบไม่พูดเลย ผมเคยลองเดทกับคนพวกนั้นนะ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันโบกมือลาโดยให้เหตุผลเดียวกันว่า

ฮยองแม่งเงียบเกินไปว่ะ
ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็เข้าไม่ถึงอปป้าสักที

บางครั้งผมก็แอบท้อใจอยู่ลึกๆ ขนาดแจ็คสันที่ว่าแน่ยังใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเข้าถึงตัวผม แล้วกับคนพวกนี้ที่เพิ่งดูใจกันไม่ถึงอาทิตย์ก็ตัดใจกันเสียแล้ว

หรือผมอาจจะเหมาะกับการอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตจริงๆนะ

แต่กับหมอนั่น คิมยูคยอม อาจเป็นข้อยกเว้น

ยูคยอมไม่เคยเข้าใกล้ผมจนผมรู้สึกอัดอัด ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยอยู่ห่างจนพ้นสายตา ในขณะที่ทุกคนรุมล้อมผม เขามักจะอยู่วงนอก คอยเก็บรายละเอียดของผมเงียบๆ
เขารู้ว่าผมชอบกินหมูสามชั้นย่างหอผักใส่เครื่องเคียงอะไรบ้าง จำได้แม้กระทั่งมุขแป้กๆของผมซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงฟังและปล่อยผ่านไป(เพราะมันแป้กจริง)

ผมเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ยูคยอมเองถึงจะดูเข้ากับคนง่ายแต่ก็มีโลกส่วนตัวสูงเช่นกัน เราสองคนมักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร จนคนอื่นๆให้ฉายาผมและเขาว่าเป็นคู่หู no jam เวลาอยู่ด้วยกันแล้วโคตรน่าเบื่อ(ในสายตาคนภายนอก)

ผมและเขามักจะใช้ใจสื่อสารกันเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ค่อยพูดกัน ยูคยอมรู้ว่าผมต้องการอะไร และผมก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพียงแค่สบตากันเท่านั้น

ครั้งแรกที่เราเจอกัน เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาหาผม เพียงเพื่อที่จะถามว่า
ฮยองตัดผมทรงนี้ที่ร้านไหนอ่ะ ผมจะไปตัดบ้าง
และในวันรุ่งขึ้น เด็กนั่นก็เข้ามาในบริษัทพร้อมกับทรงผมทรงเดียวกับผมเป๊ะ จนหลายคนทักผิดไปตามๆกัน

ยูคยอมคือตัวผมในเวอร์ชั่นอ้วน
ความคล้ายคลึงกันทางกายภาพของเราสองคนทำเอาผมแปลกใจไม่น้อย ยูคยอมเป็นคนเกาหลีแท้ที่หน้าตาไม่ได้เกาหลีเลย เขาชอบทำตัวเหมือนวัยรุ่นอเมริกันที่ผมเคยเจอสมัยเรียนไฮสคูล นอกจากนี้ศิลปินในดวงใจของเขายังเป็นคริส บราวน์ นักร้องผิวสีชาวอเมริกันอีกต่างหาก
อาจเพราะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผมถูกชะตากับเขาตั้งแต่แรกเห็น

ยูคยอมเป็นคริสตัลของวง
ทุกคนพร้อมใจกันให้ฉายานี้กับเขา ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้อง จิตใจของเขาบริสุทธิ์จริงๆ ยูคยอมเป็นเด็กที่ใจดี ขี้อาย พร้อมโอนอ่อนตามคนอื่นเสมอ จนบางครั้งก็กลายเป็นเป้านิ่งให้พี่ๆแกล้งอยู่บ่อยๆ
แม้ว่าปัจจุบันคริสตัลจะแตกไปนานแล้ว แต่สำหรับผม ยูคยอมก็ยังคงเป็นยูคยอมคนเดิม คนที่จิตใจดี พร้อมจะเป็นที่พักพิงยามอ่อนล้าให้ผมเสมอ

ยูคยอมเป็นคนที่มีความเป็นศิลปินสูงมาก
เขาเคยบอกว่า ถ้าหากไม่ได้เดบิวต์ก็คงเป็น dancer ให้กับที่ไหนสักแห่ง เมื่อมีเวลาว่างยูคยอมชอบฟังเพลงและออกแบบท่าเต้นของตัวเอง ทุกอารมณ์และความรู้สึกของเขาไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ โกรธเกรี้ยว ล้วนแต่ถูกส่งผ่านออกมาในรูปแบบของการเคลื่อนไหวไปตามจังหวะดนตรีอย่างมีชั้นเชิง บางครั้งเวลาทุกคนอยู่นิ่งๆเขาก็จะเต้นดุ๊กดิ๊กขึ้นมาเฉยๆ พอถามว่าเต้นเพลงอะไร ยูคยอมก็จะตอบกลับมาว่า "เพลงที่อยู่ในหัว" จนแฟนๆให้ฉายาเขาว่าอะไรๆลูกเทพสักอย่าง พอไปถามแบมแบม หมอนั่นก็เอาแต่หัวเราะ แล้วก็ไม่พูดอะไร

ถ้าถามผม ผมไม่มีสเป็คคนในดวงใจหรอก ขอแค่อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจก็พอ
ซึ่งยูคยอมทำให้ผมสบายใจที่จะอยู่ด้วย
ความพอดีที่เข้ากับใจของผม เพียงเท่านี้ก็มากพอที่ผมจะยกหัวใจดวงนี้ให้เขาดูแล

.
.
.
.
.
.
.
.
.

"ฮยองทำไรอยู่อ่ะ"

ยูคยอมพาร่างชุ่มเหงื่อจากการซ้อมเต้นเดินเข้ามาใกล้ผม ก่อนจะทิ้งตัวลงข้างๆกัน
ผมหันไปยิ้มให้เขาเบาๆ เป็นจังหวะพอดีที่เขาล้มตัวลงใช้ตักของผมหนุนต่างหมอน

"บันทึกลับ"

เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผมจึงวางมือถือลงข้างตัวและลูบหัวทุยสวยนั้นเบาๆ
"เหนื่อยมั้ย" ผมถาม
ยูคยอมส่ายหน้าเบาๆ ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แล้วปล่อยให้เขาดึงมือข้างที่วางไปเล่นตามใจ

ทุกคนในบริษัทกลับไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงผมสองคน ไม่นานนักผมกับยูคยอมก็ออกมา โดยไม่ลืมที่จะสวมหมวก แว่นตา และ mask เพื่ออำพรางตัว

เขาประสานมือผมไว้แน่น ก่อนจะเดินไปตามถนนที่ทอดยาว

เราต่างรู้ดีว่ามันไม่ง่าย ยิ่งในฐานะที่เป็นไอดอลทั้งคู่จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เส้นทางข้างหน้าอาจไม่สวยงาม แต่ตราบใดที่เรายังจับมือกันแบบนี้ ผมก็พร้อมที่จะลุยไปกับเขา

"ยูคยอมอ่า"
"ครับ"
"รักนะ"
"รักเหมือนกันครับ"

แจ็คสันหวังเป็นรักแรกที่นึกถึงทีไรก็มีความสุข
ส่วนคิมยูคยอมคือรักปัจจุบันและตลอดไปของผม

--------------------------------------------------------------
ไม่รู้จะจบยังไงให้ดี แง มันเป็นฟิควูบจริงๆ